ในยุคที่การ Work From Home คือเรื่องปกติของทุกคน การกินอาหารที่ทำง่าย ใช้ระยะเวลาน้อยจึงมีส่วนสำคัญต่อชีวิตประจำวัน ยิ่งเป็นหนุ่มสาววัยทำงานที่มี Activity มากมาย และพยายามเพิ่มกล้ามเนื้อ รักษาหุ่นให้เป๊ะปังในช่วงนี้ ยิ่งต้องเลือกกินอย่างเหมาะสมและสมดุล ส่งผลให้โปรตีนจากพืช (Plant-based protein) เป็นอีกทางเลือกที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น นอกจากจะเข้าถึงง่ายก็ยังสะดวกกว่าอีกด้วย
ทำไมการกินโปรตีนจากพืชถึงง่ายและสะดวกกว่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์?
เนื่องจากเนื้อสัตว์มีมากมายหลายประเภท แต่ละประเภทมีปริมาณ โปรตีน คอเลสเตอรอลที่แตกต่างกัน อีกทั้งสัตว์แต่ละชนิดมีไขมันอยู่พอสมควร หากกินเยอะไปก็ต้องระวังปริมาณไขมันหรือคอเลสเตอรอลที่ร่างกายได้รับมาสะสม ซึ่งส่งผลโดยตรงกับสุขภาพ น้ำหนัก และรูปร่าง นอกจากนี้ก่อนการปรุงยังต้องใช้เวลาในการเตรียมวัตถุดิบตามเมนูที่เลือก และถึงแม้ขณะปรุงจะมีกลิ่นหอม แต่หากวันนี้มีประชุมนอกสถานที่ กลิ่นที่แรงอาจติดตัวทำให้เสียบุคลิกได้เหมือนกัน นี่ยังไม่นับเรื่องราคาที่แพงตามส่วนต่างๆ ที่แสนจะอร่อยด้วย
ขณะที่โปรตีนจากพืช นอกจากจะมีแคลอรีต่ำ ราคาก็ยังถูกเข้าถึงง่าย มีกากใยอาหารที่สูง ช่วยให้อิ่มท้องนาน การขับถ่ายคล่อง เหมาะแก่การลดน้ำหนักอย่างสุขภาพดี รวมถึงการเพิ่มกล้ามเนื้อโดยไม่ด้อยไปกว่าการกินเนื้อสัตว์ เพราะใน 100 กรัมของโปรตีนจากพืช สามารถเทียบเท่ากับโปรตีนจากสัตว์ได้แทบไม่แตกต่างกัน ส่งผลให้ปัจจุบันหนุ่มสาวผู้รักสุขภาพและผู้ที่ออกกำลังกายให้ความสำคัญกับโปรตีนจากพืชกันมากขึ้น สังเกตได้จากท้องตลาดที่มีให้เห็นโปรตีนจากพืชอย่างแพร่หลายมากขึ้น และดียิ่งกว่าถ้าคุณมีภาวะที่ร่างกายไม่สามารถย่อยน้ำตาลในนม หรือ Lactose-intolerance แล้วละก็โปรตีนจากพืชสามารถทดแทนเวย์โปรตีนที่มีส่วนผสมของน้ำตาลแลคโตสที่คุณไม่สามารถดื่มได้แบบไม่ต้องกังวล
สะดวกและง่ายกว่าการกินอกไก่
เพราะเนื้อสัตว์แทบทุกประเภทไม่สามารถกินดิบได้ ดังนั้นอกไก่จึงต้องทำให้สุก หากนานไปอกไก่อาจกระด้าง กินไม่อร่อย หากเร็วไปอกไก่จะสุกไม่ทั่วถึง กินไม่ได้ กลับกันโปรตีนจากพืชหลายๆ อย่างแทบไม่ต้องทำให้สุก บางชนิดลงจานกินได้เลย หรือถ้าต้องปรุงสุกก็ใช้ระยะเวลาน้อยกว่า ดังนั้นจึงสะดวกและง่ายกว่าการกินอกไก่แน่นอน
ข้อเปรียบเทียบ |
โปรตีนจากพืช |
โปรตีนจากเนื้อสัตว์ |
---|---|---|
ระยะเวลาในการปรุงสุก |
ผักสดและธัญพืชส่วนใหญ่ใช้เวลาปรุงสุกภายใน 5 นาที |
เนื้อสัตว์บางประเภทอาจใช้เวลาปรุงสุกมากกว่า 5 นาที |
ความสะดวกสบาย |
สะดวกสบาย เตรียมวัตถุดิบง่าย |
สะดวกแต่ไม่สบาย ใช้เวลาเตรียมวัตถุดิบมากกว่า |
รสชาติความอร่อย |
อร่อยรสธรรมชาติ |
อร่อยตามรสมือ |
การเก็บรักษา |
ผักสดประมาณ 1 อาทิตย์ ธัญพืชอบแห้งเก็บได้หลายเดือน |
แช่เย็นส่วนใหญ่ 1 อาทิตย์ แช่ฟรีชเก็บได้หลายเดือน |
ความอิ่ม |
อิ่มท้องนาน ใช้เวลาย่อยไม่นาน |
อิ่มท้องนาน ใช้เวลาย่อยนาน |
ช่องทางการจัดจำหน่าย |
ทั่วไปตามท้องตลาด เฉพาะธัญพืชบางชนิดต้องสั่ง |
ทั่วไปตามท้องตลาด เฉพาะเนื้อบางส่วนต้องสั่ง |
“โปรตีนจากพืช” เทียบเท่ากับ “โปรตีนจากเนื้อสัตว์”
ตัวอย่างข้อมูลด้านล่างนี้เป็นการเปรียบเทียบปริมาณโปรตีนที่ได้รับต่อน้ำหนัก 100 กรัม
โปรตีนจากเนื้อสัตว์ |
โปรตีนจากพืช |
---|---|
อกไก่ 31 กรัม |
ถั่วเหลือง 36 กรัม |
เนื้อไก่ 27 กรัม |
ต้นอ่อนทานตะวัน 23 กรัม |
เนื้อลูกแกะและเนื้อแกะโต 25 กรัม |
เมล็ดฟักทอง 19 กรัม |
เนื้อหมู 23 กรัม |
ข้าวโอ๊ต 17 กรัม |
เนื้อวัว 23 กรัม |
ควีนัว 14 กรัม |
ปลาทับทิม 20.1 กรัม |
ถั่วแดง 8.7 กรัม |
ปลาแซลมอน 20 กรัม |
เต้าหู้ 8 กรัม |
เนื้อเป็ด 19 กรัม |
ถั่วลันเตา 8 กรัม |
นมวัว 4 กรัม |
ข้าวไรซ์เบอร์รี่ 8 กรัม |
โดยทั่วไปร่างกายของเราต้องการโปรตีน 0.8-1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน (ข้อมูลจาก Thai RDI, กรมอนามัย) หากคุณน้ำหนัก 60 กิโลกรัม นั่นเท่ากับว่าคุณควรกินอาหารเพื่อโปรตีนอย่างน้อย 48-60 กิโลกรัมต่อวัน ยิ่งคุณต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อก็ยิ่งต้องกินมากขึ้นเพื่อไปให้ถึงปริมาณโปรตีนที่ต้องการ แต่..อย่าลืมว่าในเนื้อสัตว์มีคอเลสเตอรอลและไขมันอยู่ด้วย ดังนั้นระวังเรื่องปริมาณและชิ้นส่วนที่เลือกกินให้ดี
ถ้าเราไม่กินเนื้อสัตว์จะมีผลอะไรบ้าง?
โดยปกติคนที่กินโปรตีนจากพืชและไม่กินเนื้อสัตว์เลย จะไม่ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน เช่น วิตามินดี วิตามินบี12 Zinc DHA อาจส่งผลต่อการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสจากอาหาร รวมถึงรักษาระดับแร่ธาตุในเลือดไม่คงที่ ซึ่งสามารถทดแทนด้วยการเสริมส่วนที่ขาดเหล่านี้ด้วยการกินวิตามินรวมและกินโปรตีนจากพืชให้หลากหลายประเภท เพราะพืชแต่ละชนิดก็ให้โปรตีนรวมถึงวิตามินต่างๆ ที่แตกต่างกัน ที่สำคัญควรเสริมด้วย Soy Protein หรือ Peanut Protein
จากข้อมูลทั้งหมดน่าจะนึกภาพออกแล้วใช่ไหมว่า โปรตีนจากพืชเข้าถึงง่ายและสะดวกกว่าการกินอกไก่ขนาดไหน แต่ถึงจะเป็นโปรตีนจากพืชก็อย่ามัวแต่กินจนลืมตรวจสอบปริมาณให้เหมาะสมกับร่างกาย ไม่เช่นนั้นจากการเพิ่มกล้ามเนื้อเพื่อสุขภาพที่ดี จะกลายเป็นการเพิ่มไขมันสะสมในร่างกายแทน